
ขึ้นชื่อว่าเป็น “คนรักสุขภาพ” แล้ว เรื่องรูปร่างก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญ แต่การจะมีรูปร่างที่ดีนั้น ต้องแลกมาด้วยความตั้งใจจริง และความพยายาม รวมถึงถ้าหากเรามีตัวช่วยดี ๆ ก็จะทำให้การดูแลรูปร่างของเรา เป็นเรื่องง่ายมากขึ้นสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวที่มาก อยากจะเริ่มหันมาดูแลตัวเอง เปลี่ยนตัวเองเป็น
“คนรักสุขภาพ” เหมือนคนอื่นบ้าง แต่ก็ยังไม่เคยทำสำเร็จ ไม่ว่าจะลองพยายามลดน้ำหนักมาก็หลายวิธี ทั้งควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย แต่น้ำหนักก็ยังลงช้า หรือบางทีก็หักโหมจนท้อไปก่อน ไม่แน่ใจว่าเพราะทำไม่ถูกวิธี หรือการลดน้ำหนักแบบนี้ไม่เหมาะกับเรากันแน่ วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับวิธีลดน้ำหนักแบบ IF พร้อมแนะนำวิธีการทำ IF เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับหนุ่มสาวที่ต้องการลดน้ำหนัก เพื่อช่วยให้มีหุ่นสวยสุขภาพดีอย่างที่ใจปรารถนา
Intermittent Fasting (IF) คืออะไร?
เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าว่า Intermittent Fasting หรือ IF คืออะไร
Intermittent Fasting หรือ IF เป็นวิธีการลดน้ำหนักด้วยการควบคุมแคลอรี โดยการจำกัดเวลาในการรับประทานอาหาร (Feeding) และกำหนดช่วงเวลาในการอดอาหาร (Fasting) เพื่อลดปริมาณการรับประทานอาหารในแต่ละวัน และลดพลังงานจากอาหารที่ได้รับ เพื่อให้ร่างกายได้ลดการสะสมไขมัน และมีเวลาในการเผาผลาญไขมันในร่างกายมากยิ่งขึ้น โดยมีหลักการพื้นฐานที่ต้องปฏิบัติคือ
- ควรเลือกทานอาหารที่มีแคลอรีต่ำ เพื่อเป็นการควบคุมปริมาณแคลอรีที่เข้าสู่ร่างกาย
- ควรเลือกดื่มเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาลหรือแคลอรี ในช่วงเวลาที่อดอาหาร
- ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน หรือโรคกระเพาะอาหาร ควรหลีกเลี่ยงการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้
ข้อดีของวิธีลดน้ำหนักแบบ IF
ไม่หักโหมจนเกินไป
เพราะการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ เป็นการจำกัดเวลาในการรับประทานอาหาร ไม่ใช่การอดอาหารไปเลย จึงไม่หักโหมจนเกินไปสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้น
ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย
วิธีลดน้ำหนักแบบ IF ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย เพราะร่างกายยังได้รับสารอาหารครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ และยังเป็นการช่วยจำกัดปริมาณให้เหมาะสมกับความต้องการที่แท้จริงในแต่ละวันอีกด้วย
เพิ่มการเผาผลาญร่างกาย
ในช่วงเวลาที่งดรับประทานอาหาร ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) และนอร์อีพิเนฟริน (Norepinephrine) ออกมา เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมัน และร่างกายได้นำไขมันที่สะสมไว้มาใช้ในที่สุด

วิธีลดน้ำหนักแบบ IF อย่างไรให้ได้ผล
Lean Gains
หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสูตร 16/8 คือ การรับประทานอาหารในช่วงเวลา 8 ชั่วโมง และงดรับประทานอาหารในช่วงเวลา 16 ชั่วโมง เช่น เรารับประทานอาหารมื้อแรกตอน 8.00 น. และต้องรับประทานอาหารมื้อสุดท้าย ตอน 16.00 น. โดยเวลาที่เหลือต้องไม่รับประทานอาหารอีก แต่สามารถดื่มเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรีและดีต่อสุขภาพ
Fast 5
หากเราผ่านสูตร 16/8 ไปได้ สามารถขยับมาทำเป็นสูตร 5/19 ได้เช่นกัน โดยกำหนดเวลารับประทานอาหารเพียง 5 ชั่วโมง และกำหนดให้เวลาในการงดอาหารเพิ่มขึ้นเป็น 19 ชั่วโมงนั้นเอง
Eat stop Eat
วิธีลดน้ำหนักแบบ IF สูตร Eat stop Eat เหมาะสำหรับคนที่ทำมาได้สักระยะหนึ่ง จนสามารถควบคุมเวลาการรับประทานอาหารของตนเองได้แล้ว โดยให้ปรับเวลาเป็นอดอาหาร 24 ชั่วโมง 1-2 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งในวันที่เหลือสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่ไม่ควรรับประทานมากเกินความต้องการของร่างกาย
5:2
สูตร 5:2 เป็นการกินอาหารตามปกติ 5 วัน และอีก 2 วันเป็นการควบคุมปริมาณอาหาร เช่นปกติร่างกายผู้ชายต้องการ 2,500 แคลอรีต่อวัน ก็ให้ลดเหลือ 600 แคลอรี ส่วนผู้หญิงต้องการ 2,000 แคลอรีต่อวัน ให้ลดเหลือ 500 แคลอรี หรือลดปริมาณแคลอรีต่อวันให้เหลือแค่ 1 ใน 4 นั่นเอง
The Warrior Diet
สูตร The Warrior Diet เป็นการอดอาหารทั้งวัน แล้วรับประทานแค่ 1 มื้อ อาจจะเป็นมื้อเช้าหรือค่ำ หรือสามารถสลับกันระหว่างมื้อเช้ากับมื้อค่ำก็ได้ ซึ่งจะเท่ากับว่าร่างกายใช้เวลาในการอดอาหารประมาณ 19-20 ชั่วโมง
Fasting ADF (Alternate Day Fasting)
วิธีลดน้ำหนักแบบ IF สูตร Fasting ADF เหมือนเป็นสูตร Eat stop Eat ที่อัปเกรดความยากขึ้นมาอีก ด้วยการเลือกรับประทานอาหาร และอดอาหาร สลับกันแบบวันเว้นวัน ซึ่งในวันที่เลือกรับประทานอาหารก็ต้องจำกัดปริมาณแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ คือวิธีลดน้ำหนักแบบ IF ที่เรานำมาบอกกัน และสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือกำลังทำ IF แล้วอยากหากาแฟที่ดื่มแล้วไม่อ้วนและดีต่อสุขภาพ สามารถหาตัวช่วยดี ๆ อย่างกาแฟ Room Coffee กาแฟพรีเมียม คุณภาพเยี่ยมที่มีสารอาหารจากผักและผลไม้กว่า 36 ชนิด อุดมด้วยไฟเบอร์ที่ช่วยย่อยอาหารและส่งผลดีต่อระบบขับถ่าย มาดื่มกันได้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02 599 1999